สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด โรงละครแห่งความฝัน บ้านของปีศาจแดง

สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด

สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด หรือชื่อเล่นที่คอลูกหนัง และแฟนบอลเรียกขานกันในนามโรงละครแห่งความฝัน เป็นสถามกีฬาฟุตบอลในเขตแทรฟฟอร์ด ของเกรตเตอร์แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษเป็นบ้านของทีมฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
โดยสนามบอลแห่งนี้มีอายุนับตั้งแต่วันก่อสร้างนั้นมีอายุยาวนานมากกว่า 100 ปี เรียกได้ว่าผ่านยุคสมัยมาอย่างยาวนาน สนามแห่งนี้เริ่มก่อสร้างในปี 1909 และเริ่มเปิดใช้งานในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1910 โดยสามารถจุแฟนบอลได้สูงสุด 80,000 ที่นั่ง แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในช่วงปี ค.ศ. 1939 – 1941 ทำให้ สนามแมนยู แห่งนี้ได้รับความเสียหายจากระเบิดจนสนามพังเสียหาย ทำให้ทีมแมนเชสเตอร์ต้องย้ายไปเล่นที่สนามของทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นระยะเวลากว่า 4 ปี หลังจากพยายามทำให้ความจุผู้ชมกลับมาเท่าเดิมแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะงบประมาณในการสร้างไม่เพียงพอทำให้ความจุของสนามเหลือเพียง 76,962 ที่นั่ง

สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด

สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด สนามฟุตบอลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน

สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1909 ชื่อของสนามแห่งนี้ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก โดยพื้นที่ในการใช้สร้างสนามนั้นถูกซื้อโดยบริษัทแมนเชสเตอร์ บริวเวอรรี่ ของจอห์น เฮนรี่ เดวี่ส์ และให้สโมสรฟุตบอลเช้าต่ออีกที แต่เดวี่ส์ก็ช่วยออกทุนสร้างให้ถึง 60,000 ปอนด์ ซึ่งเริ่มต้นสร้างในปี ค.ศ. 1908 และแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1910 โดยสนามสามารถจุผู้ชมได้มากถึง 80,000 คน และสนามแห่งนี้ก็ได้เปิดต้อนรับผู้มายืนในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1910 แต่ก็เป็นนัดเปิดสนามที่ไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไหร่สำหรับแฟนผีเพราะแพ้ให้กับ ลิเวอร์พลู ไป 4 – 3 และสนามก็รับแฟนบอลมากหน้าหลายนามาเป็นระยะเวลาร่วม 30 ปี เป็นสนามฟุตบอลที่ผ่านเรื่องราวมากมาย อีกทั้งยังเคยได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1941 ทำให้สนามถูกทำลายจนย่อยยับ และภายหลังสงครบจบทางรัฐบาลอังกฤษได้มอบเงินให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นจำนวนเงิน 22,278 ปอนด์ เพื่อบรูณะสนามฟุตบอลแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ ทำให้ทีมสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต้องย้ายไปเล่นยังสนาม เมน โร้ด ซึ่งเป็นสนามของทีมสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นานกว่า 4 ปี และทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องการฟื้นฟูและสร้างสนามให้ใหญ่ขึ้นกว่าสนามเดิมที่ถูกทำลายไปในช่วงสงครามโดยตั้งเป้าให้สามารถจุคนได้มากกว่า 120,000 คน แต่น่าเสียดายที่งบประมาณที่พวกเขามีนั้นเพียงพอแค่สร้างเมน สแตนด์ขึ้นมาใหม่เท่านั้น และแล้วทีมปีศาจแดงก็ได้เดินทางกลับมาเล่นยัง สนามแมนยู ถิ่นรักที่ได้จากไปนานกว่า 10 ปี ด้วยจำนวนผู้เข้าชมกว่า 41,000 คน และสามารถเอาชนะทีม โบลตัน วันเดอเรอร์ส ไปได้

สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด กับการฟื้นตัวของทีมปีศาจแดง

ในปี 1957 ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลยุโรป เป็นเกมแข็งขันกลางสัปดาห์ที่จะเริ่มเตะในช่วงเย็น ทำให้ สนามโอลดฌแทรฟฟอร์ด ที่พึ่งได้รับการบูรณะ ต้องหาไฟมาประดับเพื่อเปิดบ้านรับการมายืนของทีม รีลมาดริด ซึ่งเป็นทีมแรกที่ได้มาเล่นภายใต้แสดงไฟยิ่งใหญ่ครั้งแรกจาก สนามแมนยู แห่งนี้ที่กว่า 10 ปี แล้วยังไม่ได้รับการมาเยือนอย่างจริงจัง นอกจากนี้แฟนบอลในสมัยนั้นยังได้พบกับเหตุการณ์นั่งตากฝนไปพร้อมกับนักเตะในสนามเพราะว่าในปี 1957 – 1958 อัฒจันทร์ชื่อดังอย่าง สเตรตฟอร์ด เอนด์ นั้นยังไม่มีหลังคาในการบังแดดฝน จนกระทั่งมาในปี 1959 ได้ประกาศให้มีการจัดแข่งขันฟุตบอลโลกขึ้นที่สนามแห่งนี้ ทำให้สนามได้รับการปรับปรุงครั้งยิ่งใหญ่ และทันสมัยมีการสร้างหลังคาอัฒจันทร์ที่ไม่ต้องมีเสาค้ำยัน และยังเป็นต้นแบบให้กับอัฒจันทร์ในปัจจุบันของสนามแห่งนี้อีกด้วย
หลังจากอัฒจันทร์ไม่มีหลังคาได้ถูกบรูณะและปรับปรุงให้กลายเป็นสนามฟุตบอลแบบเก้าอี้ทั้งหมดทำให้จำนวนผู้เข้าชมสูงสุดลดลงไปเหลือ 43,000 ที่นั่ง ซึ่งนั่นไม่เพียงพอต่อจำนวนแฟนบอลที่เพิ่มขึ้น จึงได้มีการแก้ไขปัญหาด้วยการปรับปรุงอัฒจันทร์ นอทร์ท สแตนด์ ใหม่ทำให้สามารถจนผู้ชนได้สูงสุด 56,387 ที่นั่ง จนมาถึงในปัจจุบันสนามแห่งนี้ได้ปรับปรุงใหม่ให้สามารถจุแฟนบอลได้สูงสุดคือ 79,962 ที่นั่ง แต่ถึงอย่างนั้นในปัจจุบันแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ยังมีแผนจะขยายสนามแห่งนี้ให้รองรับผู้ในอนาคตให้ได้ 90,000 ที่นั่ง

สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด

ข้อดีของสนามเหย้าของทีมปีศาจแดง

นับว่า สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด หรือโรงละครแห่งความฝันแห่งนี้นั้นต้องผ่านช่วงเวลาที่เลวร้าย และก็พบเจอกับเรื่องราวอันน่ายินดี ถึงแม้จะเริ่มต้นได้ไม่สวยนักแต่เมื่อเดินทางมาถึงปัจจุบันก็กลายเป็นสนามฟุตบอลอันดับต้น ๆ ของโลกที่แฟนบอลอยากเข้าไปนั่งชมเกมการแข่งขันในนั้นสักนัดหนึ่งในชีวิต ข้อดีของสนามมีดังนี้

  • เป็นสนามฟุตบอลที่ติดตั้งเก้าอี้ทั่วทุกพื้นที่การรับชม โดยเก้าอี้แทบทุกตัวบนอัฒจันทร์ล้วนแล้วแต่เป็นสีแดง และมีการใช้เก้าอี้สีขาวเขียนเป็นคำว่า MANCHESETER UNITED
  • เป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอังกฤษ ในแง่ของการรองรับแฟนบอล ที่สามารถจุผู้ชมได้มากถึง 79,962 ที่นั่ง
  • เป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหราชอาณาจักร และใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของทวีปยุโรป
  • เป็นหนึ่งในสองสนามในอังกฤษที่ทาง UFA รับรองให้เป็นสนามระดับ 5 ดาว

หลังจากผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจาก สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ที่โดนไฟสงครามทำลาย ค่อย ๆ ได้รับการฟื้นฟูทีละเล็กทีละน้อยจนกลายมาเป็น สนามแมนยู ที่แฟนบอลรู้จักกันในนามโรงละครแห่งความฝันที่สวยงามเช่นในปัจจุบัน

เหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้น และเคยจัดขึ้นที่ สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด

เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์ของ สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด แห่งนี้นั้นเกิดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม ปี ค.ศ. 1941 สนามแห่งนี้ถูกลูกหลงจากไฟสงคราม ด้วยการทิ้งระเบิดของเครื่องบินจากกองทัพอากาศเยอรมัน ที่นำระเบิดมาทิ้งใส่โรงงานอุสาหกรรม แทร็ฟฟอร์ด แต่มีระเบิดบางส่วนตกลงมายังสนามทำให้สนามได้รับความเสียหายอย่างหนัก และหลังจากบรูณะก็กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในปี ค.ศ. 1949 และเหตุการณ์ต่อมาเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1959 เมื่อสนามแห่งนี้ได้รับโอกาสให้เป็นสนามสำหรับจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจึงได้มีการปรับปรุงสนามครั้งยิ่งใหญ่ให้สมกับการเป็นสนามแข่งฟุตบอลโลก และสนามแห่งนี้ยังได้รับความไว้วางใจให้ สนามแมนยู แห่งนี้เป็นสถานที่จัดแข่งขันเอฟเอคัพรอบรองชนะเลิศระหว่าง Wolverhampton Wanderers กับ Grimsby Town และยังได้เป็นสถามจัดการแข่งขันหลักอีกหลายรายการไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลกในปี 1966 หรือแชมเปียนส์ลีก 2003 และใช้เป็นสถานที่แข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2012 ที่ลอนดอนเป็นเจ้าภาพอีกด้วย

จุดเด่นของโรงละครแห่งความฝันของทีมปีศาจแดง

ขึ้นชื่อว่า สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด คือสนามฟุตบอลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอังกฤษ เป็นรองเพียงสนามกีฬาเวมบลีย์เพียงที่เดียว โดยจุดเด่นของโรงละครแห่งความฝันคือ

  • ตัวสนามถูกล้อมรอบไปด้วยอัฒจันทร์ทั้งสี่ด้าน และทุกอัฒจันทร์ล้วนมีหลังคาขนาดใหญ่คลุม มีชื่อเรียกตามทิศ และในแต่ละทิศมีอย่างน้อย 2 ชั้น
  • มีอัฒจันทร์ขนาดใหญ่ที่สุดคือทางทิศเหนือมีชื่อว่า “ยูไนเต็ด โร้ด สแตนด์” มีทั้งหมด 3 ชั้น รองรับแฟนบอลได้มากที่สุดถึง 26,000 ที่นั่ง อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมที่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ของสโมสร
  • หลังคาของแต่ละอัฒจันทร์ที่ไม่มีเสาค้ำยัน เป็นความล้ำหน้าของเทคโนโลยีด้านวิศวกรรม ที่น่าทึ่ง

นี่เป็นเพียงจุดเด่นบางส่วนของ สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด โรงละครแห่งความฝัน บ้านของปีศาจแดง สนามแมนยู สุดแล้วแต่แฟนบอลจะเรียก

สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด นั้นผ่านกาลเวลามายาวนานกว่า 100 ปี ผ่านทั้งยุครุ่งเรืองไปพร้อมกับทีมฟุตบอลอย่างสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และผ่านเรื่องราวเลวร้ายที่ สนามแมนยู แห่งนี้ได้รับผลกระทบจากไฟสงครามทำให้ต้องบรูณะนานกว่า 10 ปี ถึงจะได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง และก็ต้องพบกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของสโมสรที่ต้องเสียนักเตะดาวรุ่งคนสำคัญที่เป็นตัวชี้ชะตาของสโมสร แต่ถึงอย่างนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ไม่ได้ถอดใจ เร่งปั้นเยาวชนหน้าใหม่จนได้ชื่อเล่นว่า โรงละครแห่งความฝันมาจนถึงในปัจจุบัน ช่วงเวลานั้นเป็นยุคตกต่ำของแมนเชสเตอร์ที่ยาวนานนับสิบปี แต่แล้วโรงละครแห่งความฝันแห่งนี้ก็ได้รับรางวัลความพยายาม จนถึงในปัจจุบันสนามแห่งนี้ก็ยังมีแผนที่จะขยายให้สามารถจุผู้ชมให้ได้ 90,000 ที่นั่งในอนาคตอันใกล้นี้

นามโอลด์แทรฟฟอร์ด สนามแมนยู ประวัติสนามฟุตบอลแมนยู ประวัติสนามสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ข้อมูลสนามแมนยู สนามฟุตบอลแมนยู สนามฟุตบอลโอลด์แทรฟฟอร์ด ข้อมูลสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด